แก้ไขล่าสุดวันที่ 9 ตุลาคม 2023 by araiwaa
เทศกาลกินเจเป็นการถือศีลและบำเพ็ญบุญตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน เพื่อให้ได้รับความสุขและความสำเร็จในชีวิต เทศกาลนี้มีการจัดงานหรือพิธีกรรมต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เช่น เยาวราช ภูเก็ต หาดใหญ่
เทศกาลกินเจ 2566 เริ่มวันที่ 15 ตุลาคม 2566 และจบวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ตามปฏิทินจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9
สำหรับการกินเจมีข้อห้ามและข้อควรรู้ดังนี้
- ห้ามกินเนื้อสัตว์ นม เนย ไข่ และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ทุกชนิด
- ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุนหรือแรง 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว (คล้ายๆ หัวกระเทียมโทน) กุยช่าย และยาสูบ เชื่อว่าผักเหล่านี้มีกลิ่นแรง ซึ่งอาจทำให้จิตใจหวั่นไหวและเกิดอารมณ์ไม่ดีได้
- ห้ามกินอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด, เผ็ดจัด, เปรี้ยวจัด, หวานจัด เชื่อว่าอาหารรสจัดอาจทำให้ร่างกายร้อนและเกิดโรคได้
- ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมา
- ไม่ใช้ภาชนะปะปนกันกับคนที่ไม่กินเจ
กินเจกินอะไรได้บ้าง ขึ้นอยู่กับหลักปฏิบัติของแต่ละบุคคล แต่โดยสรุปแล้ว กินเจกินได้ดังนี้
- โปรตีน ได้จากอาหารจำพวกถั่วและเต้าหู้ เช่น เต้าหู้ เต้าหู้แข็ง เต้าหู้ไข่ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วดำ ถั่วขาว งา เป็นต้น
- คาร์โบไฮเดรต ได้จากอาหารจำพวกข้าว แป้ง เส้น ข้าวโพด เผือก มัน เป็นต้น
- ไขมัน ได้จากอาหารจำพวกน้ำมันพืช ถั่วลิสง งา เป็นต้น
- วิตามินและเกลือแร่ ได้จากผักและผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด
การกินเจเป็นการแสดงความศรัทธาและความเคารพต่อพระเจ้าและบรรพบุรุษ การกินเจจึงไม่ใช่เพียงแค่การงดเว้นอาหาร แต่ยังต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่คิดในสิ่งที่ไม่สุข ไม่โกรธ ไม่ขี้โมโห และไม่ขี้อิจฉา
การกินเจมีประโยชน์ต่อสุขภาพและจิตใจ เพื่อให้การกินเจได้ผลดีต่อสุขภาพและจิตใจ เราควรปรับสภาพร่างกายให้พร้อมโดยการ “ล้างท้อง” ก่อนเริ่มกินเจ เป็นการงดเว้นการกินเนื้อสัตว์และผักที่ห้ามไปก่อนอย่างน้อย 1-2 วัน